UFABETWIN

UFABETWIN ปล่อย 1 คน ได้ 3 แชมป์ : การเทรดผู้เล่นที่พลิก “คาวบอยส์” กลายเป็นทีมกีฬายิ่งใหญ่สุด

ดัลลัส คาวบอยส์ คือทีมกีฬาที่มีมูลค่าสูงที่สุดของโลก ด้วยความยิ่งใหญ่ในกีฬาอเมริกันทั้งยุค 70s และยุค 90s จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟรนไชส์นี้จะมีแฟนจากทั่วโลก และกลายเป็นแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลในปัจจุบัน

แต่ย้อนไปในช่วงยุค 80s หลังจากหมดยุคทองจากทศวรรษก่อนหน้า คาวบอยส์แทบไม่เหลือความยิ่งใหญ่จากอดีตเลย พวกเขากลายเป็นทีมระดับล่างของ เอ็นเอฟแอล แถมการบริหารยังพังไม่เป็นท่า ไม่เห็นถึงแววที่จะกลับมาเป็นยอดทีมในอนาคตได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ดัลลัส คาวบอยส์ สามารถพลิกชะตาของตัวเองให้กลายมาเป็นมหาอำนาจของกีฬาอเมริกันฟุตบอลยุค 90s เพียงการเทรดผู้เล่นเพียงคนเดียวออกจากทีม

เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร และคาวบอยส์ใช้การปล่อยนักอเมริกันฟุตบอลคนเดียวออกจากทีมสร้างอนาคตได้อย่างไร

ภารกิจคืนชีพ “คาวบอยส์”

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในปี 1989 หลังจากการซื้อทีมคาวบอยส์ของ เจอร์รี่ โจนส์ นักธุรกิจที่ตัดสินใจกระโดดมาทำทีมกีฬาครั้งแรกในชีวิต พร้อมกับความเชื่อที่ว่า “จะพา ดัลลัส คาวบอยส์ กลับมาเป็นทีมอเมริกันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง”

ความฝันของโจนส์ในเวลานั้นดูไกลห่างจากความจริง เพราะ ดัลลัส คาวบอยส์ ณ เวลานั้นไม่ได้เข้าสู่รอบเพลย์ออฟมาหลายปี แถมมีหนี้ก้อนโตนอกสนามให้เจ้าของทีมรายใหม่ต้องแก้ไข

ยิ่งมองถึงผลงานในฤดูกาล 1988 ของ ดัลลัส คาวบอยส์ กับการชนะแค่ 3 เกม และแพ้ไปถึง 13 เกม ยิ่งทำให้มองจากมุมไหนการคืนชีพคาวบอยส์ให้กลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์ของ เจอร์รี่ โจนส์ ก็ดูเป็นเรื่องเพ้อฝัน

เพราะโจนส์ไม่ได้คิดจะค่อย ๆ สร้างทีมโดยใช้เวลาหลายปี แต่เขาประกาศทันทีว่าจะพลิกคาวบอยส์ให้กลับมาเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่สมฐานะ “” หรือทีมยอดนิยมของชาวอเมริกันอีกครั้ง

“ย้อนกลับไปตอนนั้น สำหรับผม (การซื้อทีมคาวบอยส์) มันคือการเดิมพัน” เจอร์รี่ โจนส์ กล่าวถึงการติดสินใจที่หลายคนมองว่าบ้า บ้างก็มองว่าโง่ กับการซื้อทีมที่ดูไร้อนาคตอย่างคาวบอยส์มาเป็นของตัวเอง

UFABETWIN

 

เจอร์รี่ โจนส์ คงไม่ใช่หนึ่งในนักธุรกิจที่ได้รับความเคารพในปัจจุบันหากว่าเขาเป็นคนบ้าและโง่แบบที่หลายคนคิดเกี่ยวกับการซื้อทีมคาวบอยส์ แต่เขามีภาพในหัวที่ชัดเจนในการปั้นทีมดังของรัฐเท็กซัสให้กลับขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่ต้องยอมให้คนด่าว่าทั้ง “บ้าและโง่”

ก้าวแรกที่ เจอร์รี่ โจนส์ ทำคือการปลด ทอม แลนดรี้ โค้ชคู่บุญของทีมที่เคยพาคาวบอยส์คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์มาแล้วถึง 2 ครั้ง ชายผู้เป็นสัญลักษณ์ของแฟรนไชส์ ออกจากตำแหน่งแบบไม่ใยดี ซึ่งตามมาพร้อมกับเสียงด่าทั่วสารทิศ

เพราะหากเทียบกับกีฬาฟุตบอล มันก็เหมือนกับการที่คุณเทคโอเวอร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และปลด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในทันที

“สิ่งที่ เจอร์รี่ โจนส์ ทำกับ ทอม แลนดรี้ เหมือนกับการฝังเขาให้ตายทั้งเป็น” สกอต เฟอร์เรล สื่อชื่อดังกล่าวถึงการปลดโค้ชที่เกิดขึ้นก่อนฤดูกาล 1989 ของ เอ็นเอฟแอล

ถึงจะโดนแฟน ๆ โขกสับนับไม่ถ้วน แต่นี่คือการประกาศครั้งสำคัญของ เจอร์รี่ โจนส์ ว่าเขาพร้อมทำทุกทางที่เขาเชื่อว่าจะทำให้คาวบอยส์กลับมายิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะถูกใจใครหรือไม่ก็ตาม

เมื่อ เจอร์รี่ โจนส์ กล้าที่จะไล่ชายผู้เป็นหัวใจของคาวบอยส์ออกไปจากทีมได้ เขาก็พร้อมจะเฉดหัวทุกคนออกไปได้ แม้กระทั่งผู้เล่นที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุดของทีมในเวลานั้น

เทรด “เฮอร์เชล วอล์คเกอร์”

ในยุคที่ ดัลลัส คาวบอยส์ ตกต่ำสุดขีด อย่างน้อยแฟน ๆ ของทีมก็มีสิ่งให้ชื่นใจอยู่บ้าง นั่นคือผลงานของรันนิ่งแบ็ก หรือตัววิ่ง อย่าง เฮอร์เชล วอล์คเกอร์

ตัววิ่งหนุ่มที่ไม่มีใครเห็นค่าจนปล่อยให้ ดัลลัส คาวบอยส์ ดราฟต์ตัวในรอบที่ 5 ของการดราฟต์ปี 1985 กลับกลายเป็นสตาร์ดังของทีม ด้วยการติดทีมยอดเยี่ยมทั้ง และ โปรโบวล์ ถึง 2 ปีติดต่อกัน ในฤดูกาล 1987 และ 1988 โดยเฉพาะในปี 1988 ที่เขาทำระยะจากการวิ่งและการรับบอลมากกว่า 2,000 หลา ซึ่งถือเป็นผลงานระดับสุดยอดของตำแหน่งรันนิ่งแบ็ก

ถึงอนาคตของทีมจะไม่สดใส แต่แฟนคาวบอยส์ก็เชื่อว่าถ้าวันรุ่งโรจน์ของทีมมาถึง เฮอร์เชล วอล์คเกอร์ คือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ความฝันของพวกเขาเกิดขึ้นจริง

แต่คนหนึ่งที่ไม่ได้คิดแบบนั้นคือโค้ชคนใหม่ของคาวบอยส์ จิมมี่ จอห์นสัน ด้วยโจทย์ที่ต้องพาคาวบอยส์กลับมาประสบความสำเร็จให้เร็วที่สุด สิ่งที่ชัดเจนในความคิดของจอห์นสันคือ เขาไม่สามารถนำทัพดัลลัสกลับไปยิ่งใหญ่ได้ด้วยทีมชุดปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงซูเปอร์สตาร์อย่าง เฮอร์เชล วอล์คเกอร์

“ผมเปิดประตูมากในการเทรดผู้เล่นออกจากทีม ผมรับโทรศัพท์คุยเรื่องนี้ทุกวัน ยุคนั้นไม่มีใครกล้าเทรดผู้เล่นดี ๆ ออกจากทีมหรอก”

“แต่เราอยากจะเปลี่ยนทีมนี้ให้กลับมาเป็นทีมที่สุดยอดอีกครั้ง ดังนั้นเราต้องมียอดผู้เล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ได้ผู้เล่นเหล่านั้นมาผ่านการดราฟต์ผู้เล่นหน้าใหม่ เราก็ต้องยอมเทรดผู้เล่นบางคนออกจากทีม”

“ตอนแรกผมจะปล่อยผู้เล่นคนอื่นออกจากทีม แต่อยู่ดี ๆ มินนิโซตา ไวกิงส์ ก็ติดต่อเข้ามาถามว่า ‘ผมพร้อมปล่อย เฮอร์เชล วอล์คเกอร์ หรือเปล่า ?'”

“ผมก็ตอบกลับไปว่า ‘ไวกิงส์สามารถให้สิทธิ์ดราฟต์รอบแรก 1 สิทธิ์, รอบสอง 2 สิทธิ์ และรอบสามอีก 2 สิทธิ์ ได้ไหมล่ะ ?'”

“หลังจากนั้นผมก็ไปคุยกับ เจอร์รี่ โจนส์ ผมบอกเขาว่ามีข้อเสนอที่บ้ามาก ๆ เข้ามา แต่ผมว่าเราขูดเลือดจากไวกิงส์ได้อีกนะ” จิมมี่ จอห์นสัน เล่าถึงเบื้องหลังของการเทรดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เอ็นเอฟแอล

แม้ว่าในทีแรก เจอร์รี่ โจนส์ จะไม่เห็นด้วยนักกับการปล่อย เฮอร์เชล วอล์คเกอร์ ออกไป เพราะเขาก็ไม่อยากเสียผู้เล่นที่ผลงานดีที่สุดในทีม แต่หลังจากเห็นข้อเสนอของ มินนิโซตา ไวกิงส์ นักธุรกิจมือทองอย่างโจนส์ก็เอาด้วยกับแผนของ จิมมี่ จอห์นสัน ทันที ทำให้การเทรดเกิดขึ้นจริงระหว่างฤดูกาล 1989

เพราะสุดท้าย ดัลลัส คาวบอยส์ ได้สิทธิ์ดราฟต์ของ มินนิโซตา ไวกิงส์ มาครอบครองถึง 8 สิทธิ์ โดยเป็นสิทธิ์ดราฟต์ในรอบแรกถึง 3 สิทธิ์ และรอบสองอีก 3 สิทธิ์ จากปี 1990, 1991 และ 1992 รวมถึงยังมีสิทธิ์ดราฟต์รอบสามและรอบหกเพิ่มขึ้นมาด้วย

นอกจากนี้ ดัลลัส คาวบอยส์ ยังได้ผู้เล่นของ มินนิโซตา ไวกิงส์ มาเพิ่มอีก 4 คน ได้แก่ เจสซี่ โซโลมอน, เดวิด โฮวาร์ด, ไอแซ็ค ไฮล์ต และ อเล็กซ์ สจวร์ต ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้เล่นตัวหลักของไวกิงส์ทั้งสิ้น

ขณะที่คาวบอยส์เสียให้ผู้เล่นให้ไวกิงส์เพียงคนเดียวคือ เฮอร์เชล วอล์คเกอร์ รวมถึงสิทธิ์ดราฟต์รอบสามอีก 2 สิทธิ์ และสิทธิ์ดราฟต์รอบสิบอีก 1 สิทธิ์เท่านั้น

หากพูดถึงมุมของการทำธุรกิจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมองมุมไหน ดัลลัส คาวบอยส์ ก็ได้เปรียบเห็น ๆ กับการกุมสิทธิ์ดราฟต์รอบแรกและรอบสองจำนวนมากไว้ในมือ ทำให้พวกเขาสามารถสร้างอนาคตของทีมได้แบบสบาย ๆ

ตรงกันข้ามกับ มินนิโซตา ไวกิงส์ ที่ได้ทำการฆ่าอนาคตของตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะอีก 3 ปีข้างหน้าทีมไม่สามารถเลือกผู้เล่นในสองรอบแรกจากการดราฟต์ได้เลย ซึ่งเป็นการปิดโอกาสในการได้ตัวผู้เล่นฝีมือดี แถมยังอายุน้อยมาร่วมทีมไปหลายคน

ที่สำคัญทีมยังเสียผู้เล่นตัวหลักของทีมไปถึง 4 คน เพื่อแลกกับผู้เล่นเพียงคนเดียว หากมองจากมุมของยุคปัจจุบัน นี่คือการเทรดที่น่าเหลือเชื่อมาก ๆ กับการที่ไวกิงส์ยอมขาดทุนขนาดนี้

แต่ย้อนไปในยุคนั้น ทีมที่ถูกคนด่าไม่ใช่ไวกิงส์แต่เป็นคาวบอยส์ เพราะการปล่อยผู้เล่นที่ผลงานดีที่สุดในทีมออกไปทำให้แฟนคาวบอยส์เห็นเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือจุดจบของแฟรนไชส์ ซึ่งในตอนแรกเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะเมื่อฤดูกาล 1989 จบลงด้วยการที่คาวบอยส์ชนะแค่เกมเดียวและแพ้ไปถึง 15 เกม จนกลายเป็นผลงานที่แย่ที่สุดตลอดกาลของทีมมาจนถึงปัจจุบัน

สู่การเป็นทีมแห่งยุคสมัย

ไม่แปลกหากผลงานของคาวบอยส์ในปี 1989 จะเละเทะไม่มีชิ้นดี นั่นเป็นเพราะแผนการสร้างทีมของพวกเขายังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นจริง ๆ แต่เมื่อถึงการดราฟต์ในปี 1990 ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“นี่คือการเทรดที่ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ กับการกำหนดอนาคตของคาวบอยส์” เจอร์รี่ โจนส์ กล่าวทันทีหลังจากปล่อยสตาร์ตัวดังออกจากทีม เขาแสดงถึงความมั่นใจอย่างมากว่าเขาเชื่อแค่ไหนกับการเล่นแร่แปรธาตุครั้งนี้

ในฤดูกาล 1990 ดัลลัส คาวบอยส์ ใช้สิทธิ์ดราฟต์รอบแรกที่ได้มาจากไวกิงส์ (อันดับ 21) รวมถึงรอบสองที่ได้มาไปเทรดแลกกับสิทธิ์ของทีม พิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส (อันดับ 17) ในการเลือก เอ็มมิตต์ สมิธ มาเป็นรันนิ่งแบ็กคนใหม่ของทีม

เพียงแค่ฤดูกาลแรก เอ็มมิตต์ สมิธ ก็ทำผลงานรวมให้กับทีมมากกว่า 1,000 หลา ติดทีมยอดเยี่ยม โปรโบวล์ และคว้ารางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของฝั่งทีมบุก พูดง่าย ๆ คือคาวบอยส์เสียตัววิ่งระดับท็อปไปไม่ถึงปีพวกเขาก็ได้ตัวใหม่มาทันที แต่ที่ต่างออกไปคือพวกเขาได้ผู้เล่นมาจากไวกิงส์เพิ่มอีก 4 คน แถมมีสิทธิ์ดราฟต์เหลืออยู่อีกเพียบ แค่นี้ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าคาวบอยส์เลือกได้ถูกต้องเพียงใดในการเทรดครั้งนี้

ในปี 1991 และ 1992 คาวบอยส์ใช้สิทธิ์ดราฟต์ที่ทีมได้มาจากไวกิงส์ในการเลือกตัวผู้เล่นอย่าง รัสเซล แมรี่แลนด์, เคล์ยตัน โฮล์มส์, เควิน สมิธ และ ดาร์เรน วูดสัน เข้ามาเป็นตัวหลักของทีม

เมื่อบวกกับผู้เล่นคนอื่นอย่าง ทรอย เอ็คแมน, ไมเคิล เออร์วิน, เจย์ โนวาเซ็ค ทำให้ในฤดูกาล 1992 คาวบอยส์พร้อมแล้วที่จะล่าแชมป์ซูเปอร์โบวล์

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ดัลลัส คาวบอยส์ คว้าแชมป์ 3 สมัย จาก 4 ฤดูกาล (1992, 1993, 1995) และมีผู้เล่นกำลังหลักถึง 5 คนในทีมชุดนั้นที่ได้มาจากการใช้สิทธิ์ดราฟต์ที่ มินนิโซตา ไวกิงส์ ให้มาเพื่อแลกกับตัว เฮอร์เชล วอล์คเกอร์

โดยเฉพาะ เอ็มมิตต์ สมิธ ที่ไม่ได้แค่คว้าแชมป์ร่วมกับทีม 3 สมัย แต่เขายังกลายเป็นหนึ่งในรันนิ่งแบ็กที่ดีที่สุดตลอดกาลของ กับการวิ่งทำระยะได้เกิน 1,000 หลา เป็นระยะเวลา 11 ฤดูกาลติดต่อกัน (1991 ถึง 2001) รวมถึงเป็นรันนิ่งแบ็กที่ทำระยะและทำทัชดาวน์จากการวิ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เอ็นเอฟแอล ควบกับรางวัล เอ็มวีพี ในปี 1993 อีกด้วย

 

UFABETWIN

แค่การได้ตัว เอ็มมิตต์ สมิธ เพียงคนเดียวก็ถือเป็นสิ่งที่คุ้มเกินคุ้มแล้วสำหรับคาวบอยส์ เพราะขณะที่ เอ็มมิตต์ สมิธ กลายเป็นตำนาน เฮอร์เชล วอล์คเกอร์ กลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิงกับไวกิงส์

วอล์คเกอร์ไม่เคยทำผลงานได้ดีเหมือนสมัยอยู่กับคาวบอยส์อีกเลย และเมื่อจบฤดูกาล 1991 เขาก็ถูก มินนิโซตา ไวกิงส์ ปล่อยออกจากทีม เท่ากับว่าการลงทุนมหาศาลของไวกิงส์ได้ใช้งานผู้เล่นรายนี้ไปเพียงไม่ถึง 3 ฤดูกาลเท่านั้น

ขณะที่ไวกิงส์ล้มเหลวไม่เป็นท่า ดัลลัส คาวบอยส์ กลับกลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุค 90s เพียงเพราะการปล่อยผู้เล่นออกจากทีมเพียงแค่คนเดียว นั่นคือ เฮอร์เชล วอล์คเกอร์

การเทรดในครั้งนี้ถูกยกให้เป็นการเทรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของ เอ็นเอฟแอล เพราะผลกระทบของมันได้สร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ของแฟรนไชส์หนึ่งขึ้นมา และความสำเร็จของ ดัลลัส คาวบอยส์ ที่เกิดขึ้นในยุค 90s ก็กลายเป็นรากฐานที่ทำให้ทีมต่อยอดจนกลายเป็นทีมกีฬาที่มีมูลค่ามากที่สุดของโลกในปัจจุบัน

นอกจากนี้การเทรดครั้งนี้ยังถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ฝ่ายบริหารของทุกทีมใน เอ็นเอฟแอล ต้องเรียนรู้ อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำให้ทั้งลีกได้เรียนรู้คุณค่าของสิทธิ์ดราฟต์ที่เป็นมูลค่ามหาศาลหากสามารถเลือกได้ถูกคน

แม้เวลาจะผ่านไป 30 ปีแล้ว แต่การเทรด เฮอร์เชล วอล์คเกอร์ ยังคงเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงอยู่ตลอดถึงความบ้าคลั่งของการเทรดที่เกิดขึ้นและจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะนี่คือบทเรียนที่ไม่มีใครอยากจะเดินรอยตาม มินนิโซตา ไวกิ้งส์ เป็นครั้งที่สองแน่นอน

UFABETWIN